How To ป่วยไข้หวัดใหญ่ จะอธิบายอาการเป็นภาษาอังกฤษยังไง | English On Earth
Keywords searched by users: โรคไข้หวัดใหญ่ในภาษาอังกฤษ: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ ไข้หวัดใหญ่ ภาษาอังกฤษ อ่านว่า, เขาเป็นไข้หวัดใหญ่ ภาษาอังกฤษ, โรคไข้หวัดใหญ่ อาการ, ไข้หวัดใหญ่ระบาด ภาษาอังกฤษ, ไข้หวัดใหญ่ ภาษาอังกฤษ ตัว ย่อ, ไข้หวัด ภาษาอังกฤษ, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a ภาษาอังกฤษ, Influenza
ความหมายของโรคไข้หวัดใหญ่ในภาษาอังกฤษ
ความหมายของโรคไข้หวัดใหญ่ในภาษาอังกฤษ (The meaning of COVID-19 in English)
COVID-19 คือโรคระบาดที่เกิดขึ้นจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus 2 (SARS-CoV-2) [1]. โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อโรค เช่น ละอองทางเดินหายใจ และมีลักษณะเฉพาะเช่น มีไข้ ไอ สูญเสียความสามารถในการรับรสหรือกลิ่น และหายใจเหนื่อย [1].
โรค COVID-19 สามารถมีอาการเด่น ๆ ได้แก่:
- ไข้
- ไอ
- อ่อนเพลีย
- สูญเสียความสามารถในการรับรสหรือกลิ่น [3]
นอกจากนี้ยังมีอาการที่ไม่พบบ่อย เช่น:
- เจ็บคอ
- ปวดหัว
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ท้องเสีย
- ผื่นบนผิวหนังหรือการเปลี่ยนสีของนิ้วมือหรือนิ้วเท้า
- ตาแดงหรือระคายเคือง [3]
อาการรุนแรงของโรค COVID-19 สามารถเกิดขึ้นได้ดังนี้:
- หายใจลำบากหรือหายใจเหนื่อย
- สูญเสียการพูดหรือเคลื่อนไหวหรือสับสน
- ปวดหน้าอก [3]
หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที และควรโทรแจ้งก่อนเข้าพบแพทย์หรือสถานพยาบาล [3].
โรค COVID-19 สามารถแพร่กระจายได้ในระยะเวลาประมาณ 5-6 วันหลังจากการติดเชื้อ แต่อาจใช้เวลาสูงสุดถึง 14 วัน [3].
Learn more:
สาเหตุและตัวอย่างเชื้อไข้หวัดใหญ่
สาเหตุและตัวอย่างเชื้อไข้หวัดใหญ่
เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสชนิด Influenza virus ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้หลายทาง เช่น ผ่านทางการสัมผัสเชื้อที่เกาะอยู่บนพื้นผิวสิ่งของแล้วสัมผัสดวงตา ปาก หรือจมูก หรือผ่านทางการสูดดมเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ [1].
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่มักเริ่มแสดงอาการอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา อาการที่พบบ่อยได้แก่ [2]:
- มีไข้ หนาวสั่น และเหงื่อออก
- ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เจ็บคอและไอแห้ง
- ปวดตา
- มีน้ำมูก จาม
- หายใจถี่
- ท้องเสียและอาเจียนซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก
สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์โดยทันที เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจถี่ ภาวะเวียนศีรษะ ชัก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โรคประจำตัวกำเริบหรือทรุดตัว [2].
สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากการสัมผัสเชื้อไวรัสจากละอองฝอยในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย หรือสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือคีย์บอร์ด โรคไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ และยังสามารถแพร่เชื้อได้ต่อไปอีก 5 วันหลังแสดงอาการ ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า [2].
การรักสาเหตุและตัวอย่างเชื้อไข้หวัดใหญ่
เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสชนิด Influenza ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ในร่างกายผ่านทางเดินหายใจ โดยเฉพาะทางเดินหายใจบนลำคอและปอด [1]. โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้หลายทาง เช่น การสัมผัสเชื้อไวรัสที่เกาะอยู่บนพื้นผิวสิ่งของแล้วสัมผัสดวงตา ปาก หรือจมูก หรือการสูดดมเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ [1].
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่มักเริ่มแสดงอาการอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา อาการที่พบบ่อยได้แก่ [2]:
- มีไข้ หนาวสั่น และเหงื่อออก
- ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เจ็บคอและไอแห้ง
- ปวดตา
- มีน้ำมูก จาม
- หายใจถี่
- ท้องเสียและอาเจียนซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก
สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต [2]. ดังนั้น หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที:
- เจ็บหน้าอก หายใจถี่
- เวียนศีรษะ
- ชัก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
- โรคประจำตัวกำเริบหรือทรุดตัว [2]
สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากการสัมผัสเชื้อไวรัสจากละอองฝอยในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย หรือสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือคีย์บอร์ด [2]. ผู้ป่วยสามาร
Learn more:
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) สามารถแบ่งออกเป็นหลายอาการตามความรุนแรงของโรค และอาการที่พบอาจแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ดังนี้:
- ไข้: ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มักจะมีไข้สูง โดยอาจมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 38 องศาเซลเซียส [1].
- อาการทางเดินหายใจ: ผู้ป่วยอาจมีอาการจาม น้ำมูกไหล และเจ็บคอ [2].
- อาการทางเมื่อยกล้ามเนื้อ: ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนแรง [2].
- อาการทางเดินหายใจล่าง: ผู้ป่วยอาจมีอาการไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ [2].
- อาการอื่น ๆ: ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการเจ็บคอ ปวดตา หนาวสั่น และเหงื่อออก [2].
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนแรงและไม่สบายตัว อาการทั้งหมดจะเริ่มแสดงอาการภายใน 1-4 วันหลังจากการติดเชื้อ [2].
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม [2]. อาการของโรคไข้หวัดใหญ่อาจเป็นอันตรายและมีภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น หากมีอาการรุนแรงหรือมีปัญหาสุขภาพร่วมอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว [2].
Learn more:
วิธีป้องกันและการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
วิธีป้องกันและการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งมีสายพันธุ์หลายชนิด เช่น A, B, และ C [2]. โรคนี้สามารถระบาดได้อย่างกว้างขวางและมีความรุนแรงตั้งแต่เป็นอาการเล็กน้อยจนถึงอาการรุนแรงและสามารถทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ [2].
วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่:
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี [1]. การฉีดวัคซีนจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะถูกปรับปรุงให้เข้ากับสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปี [2].
- ล้างมือให้สะอาดโดยใช้น้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล (Alcohol Gel) อย่างสม่ำเสมอ [1]. การล้างมือจะช่วยล้างเชื้อไวรัสที่อาจติดมากับมือให้หายไป และลดโอกาสในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่.
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปาก [1]. เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ผ่านทางเหล่านี้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปากเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ.
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ [1]. หากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในบ้านหรือในสถานที่ที่คุณไป เช่น โรงเรียนหรือที่ทำงาน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสและอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ.
วิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่:
- พักวิธีป้องกันและการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งมีสายพันธุ์หลายชนิด แต่สายพันธุ์ที่พบบ่อยคือ A และ B [2]. โรคนี้สามารถติดต่อผ่านทางการหายใจ เช่น การไอ การจาม หรือการพูดคุยกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ [1].
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่:
-
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี: การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี [1]. วัคซีนจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และลดความรุนแรงของอาการเมื่อติดเชื้อ [2].
-
ล้างมือให้สะอาด: การล้างมือเป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ [1]. ควรล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือถ้าไม่มีสบู่แล้วให้ใช้แอลกอฮอล์เจล (Alcohol Gel) ในการล้างมือแทน [2].
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปาก: เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ผ่านทางเหล่านี้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปากโดยเฉพาะเมื่อมือยังไม่ได้ล้างมือ [1].
-
หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่: หากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในบ้านหรือในสถานที่ที่คุณไป เช่น ที่ทำงานหรือที่เรียน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ [2].
การรักษาโรค
Learn more:
คำแนะนำในการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่
คำแนะนำในการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งมีอาการที่รุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดังนี้:
-
ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยทั่วไป:
- ล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เจลที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% [1].
- เว้นระยะห่างจากผู้ที่มีอาการป่วย เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย [1].
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก หรือปากโดยใช้มือ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของที่อาจมีเชื้อโรคติดมา เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ โทรศัพท์ รีโมตโทรทัศน์ เป็นต้น [3].
-
รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่:
- การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยควรฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พบในฤดูกาลนั้นๆ [3].
-
รักษาสุขภาพร่างกาย:
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ [1].
-
การใช้หน้ากากอนามัย:
- การใช้หน้ากากอนามัยสามารถช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงคำแนะนำในการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งมักเกิดระหว่างฤดูกาลฝนและฤดูหนาว โรคนี้มีอาการรุนแรงและสามารถเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้นการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและลดความรุนแรงของอาการ ดังนี้คือคำแนะนำในการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่:
-
ป้องกันการติดเชื้อ:
-
สวมหน้ากากอนามัย:
-
รักษาสุขอนามัย:
-
ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ:
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร
Learn more:
คำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
คำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่ายและมีการระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว การดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและลดความรุนแรงของอาการ ดังนั้น นี่คือคำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่:
-
อยู่บ้านและพักผ่อนให้เพียงพอ: เมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ควรอยู่บ้านและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส [1].
-
ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากช่วยในการบำบัดอาการของไข้หวัดใหญ่ และช่วยล้างเชื้อไวรัสออกจากร่างกาย [1].
-
รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์: ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน [1].
-
สวมหน้ากากอนามัย: การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือใกล้ผู้อื่นช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส [1].
-
ล้างมือบ่อยๆ: ควรล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อล้างเชื้อไวรัสออกจากมือ [1].
-
เว้นระยะห่างจากผู้อื่น: ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส [1].
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตามหน้า: หลีกเลี่ยงการสัมผัสตาด้วยมือ หรือการขยคำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่ายและมีการระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ดังนั้นการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและลดความรุนแรงของอาการ ดังนี้คือคำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่:
-
อยู่บ้านและพักผ่อนให้เพียงพอ: เมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ควรอยู่บ้านและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานในการต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น [1].
-
ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ ช่วยในการละลายเสมหะและเพิ่มความชุ่มชื้นในทางเดินหายใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้น [1].
-
รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์: ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักและผลไม้สด เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย [1].
-
สวมหน้ากากอนามัย: การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือใกล้ผู้อื่น ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ [1].
-
ล้างมือบ่อยๆ: ควรล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วยในการฆ่าเชื้อโรค [1].
-
เว้นระยะห่างจากผู้อื่น: ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ [1].
-
หลีกเลี่ยงการสัมผ
Learn more:
Categories: รวบรวม 65 โรค ไข้หวัดใหญ่ ภาษา อังกฤษ

influenza. (n) โรคไข้หวัดใหญ่, Syn. severe cold, flu.ไข้หวัดใหญ่จะแบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์ A (Influenza A) สายพันธุ์ B (Influenza B) และสายพันธุ์ C (Influenza C) โดยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B (Influenza B) คือสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด โดยอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะมีความรุนแรงมากที่สุด และสามารถระบาดได้ทั่วโลก ส่วนสายพันธุ์ B จะระบาด …“โรคไข้หวัดใหญ่” เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตติดดาว ที่มีผู้ป่วยครองอันดับสถิติการป่วยกันมากที่สุดแทบจะทุกโรง พยาบาล แต่คุณเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า เจ้าไข้หวัดใหญ่ที่ว่านี้ มีทั้งหมดกี่สายพันธุ์กันแน่
See more: haiyensport.com/category/auto
Influenza A Bต่างกันยังไง
ไข้หวัดใหญ่แบ่งเป็นสายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่ในคนแบ่งออกเป็นสายพันธุ์ A, B, และ C โดยสายพันธุ์ A และ B เป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด [1]. ในที่นี้เราจะมาเน้นสายพันธุ์ A และ B เพื่อให้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสองสายพันธุ์นี้ได้มากขึ้น.
ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B:
- ความรุนแรง: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ B [2]. สายพันธุ์ A สามารถกลายพันธุ์และก่อให้เกิดการติดเชื้อในวงกว้าง และสามารถระบาดได้ทั้งในคนและสัตว์ [2]. ส่วนสายพันธุ์ B เกิดได้กับคนเท่านั้นและมีการเปลี่ยนแปลงของไวรัสได้ช้ากว่าสายพันธุ์ A [2].
- การแพร่เชื้อ: สายพันธุ์ A สามารถแพร่เชื้อได้ทั่วโลก ในขณะที่สายพันธุ์ B มักจะระบาดในพื้นที่จำกัด [1].
- การแบ่งออกเป็นชนิดย่อย: สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็นหลายซับไทป์ ซึ่งซับไทป์ที่พบบ่อยที่สุดคือ H1N1 และ H3N2 [1]. ส่วนสายพันธุ์ B แบ่งออกเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata [1].
อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B:
- อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B มักมีความคล้ายกัน ตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงขั้นรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่ไข้, คัดจมูก, น้ำมูกไหล, ไอ, คอแห้ง, ความเมื่อยล้า, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, และอาจมีอาการท้องเสียได้ [2].
สรุป:
- ไข้หวัดใหญ่แบ่งเป็นสายพันไข้หวัดใหญ่แบ่งเป็นสายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่ในคนแบ่งออกเป็นสายพันธุ์ A, B, และ C [1]. ในที่นี้เราจะสนใจเฉพาะสายพันธุ์ A และ B เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด [1].
ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B คือ [2]:
- ความรุนแรง: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ B [2]. สายพันธุ์ A สามารถก่อให้เกิดการระบาดได้ทั่วโลก และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและอาการโรคประจำตัวกำเริบมากกว่าสายพันธุ์ B [3].
- การแพร่เชื้อ: สายพันธุ์ A สามารถกลายพันธุ์และแพร่เชื้อในวงกว้างได้ ไม่ว่าจะเป็นในคนหรือสัตว์ เช่น หมู นก [2]. ส่วนสายพันธุ์ B เกิดได้กับคนเท่านั้นและมีการเปลี่ยนแปลงของไวรัสช้ากว่าสายพันธุ์ A [2].
- สายพันธุ์ย่อย: สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็นหลายซับไทป์ ซึ่งซับไทป์ที่พบบ่อยที่สุดคือ H1N1 และ H3N2 [1]. ส่วนสายพันธุ์ B แบ่งออกเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata [1].
อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B มีความคล้ายคลึงกัน ตามแต่สภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล [2].
Learn more:

.jpg)
สารบัญ
สาเหตุและตัวอย่างเชื้อไข้หวัดใหญ่
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
วิธีป้องกันและการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
คำแนะนำในการรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่
คำแนะนำในการดูแลตัวเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่